JusT 4 DayS...[KamikaZe Yuri Fiction] - JusT 4 DayS...[KamikaZe Yuri Fiction] นิยาย JusT 4 DayS...[KamikaZe Yuri Fiction] : Dek-D.com - Writer

    JusT 4 DayS...[KamikaZe Yuri Fiction]

    ใครหลายคนต่างก็บอกว่าความรักนั้นต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ หากรักเร็วไปจะโดนตราหน้าว่าใจง่าย แต่สำหรับตัวเธอน่ะ แค่ 4 วัน เธอก็รักเขาซะแล้วล่ะ >>>

    ผู้เข้าชมรวม

    2,159

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    2.15K

    ความคิดเห็น


    19

    คนติดตาม


    3
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  17 ก.ย. 51 / 18:42 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
       
       
      แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าสาดแสงลงมาผ่านช่องหน้าต่างเล็ก ๆ ตรงบานประตู ช่วยขับให้ห้องเรียนที่เงียบสงัดดูสว่างขึ้น เสียงเอะอะโวยวายดังอื้ออึงไปทั่วบริเวณชั้นล่างของตึก หญิงสาวร่างสูงนั่งเท้าคางอยู่บนโต๊ะในห้องคนเดียวอย่างไม่รู้จักเบื่อ ดวงตาสีดำสนิทแลดูเหม่อลอยอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่เธอจะผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ พลางเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ไม้แข็ง ๆ ของตน ก่อนจะหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน
                      
      ‘รู้สึกวันนี้จะมีเด็กนักเรียนจากโรงเรียนอื่นมาเรียนด้วยสินะ...’
       
      คิดได้ดังนั้นร่างสูงก็กระตุกยิ้มขึ้นมานิดหน่อย...จะน่ารักสักแค่ไหนกันเชียว เธออยากเห็นหน้าไว ๆ ซะแล้วสิ...
       
      แอ๊ด !
                     
      และก็ไวอย่างที่คิด เมื่อประตูไม้เก่า ๆ บานหนาถูกผลักพรวดเข้ามาในห้องอย่างไม่หวั่นเกรงต่ออายุขัยของมัน หญิงสาวร่างเล็กแสนคุ้นวิ่งรี่เข้ามาหาร่างสูงที่นั่งหลับตาอยู่อย่างรวดเร็วพลางเอื้อมมือไปเขย่าตัวอีกฝ่ายอย่างแรง “ไอ้แก้วโว้ยย! ตื่น ๆ!”
                     
      “อ๊ากกก! ฉันไม่ได้หลับโว้ย! จะฆ่ากันรึไงห๊ะ!”
      แก้วลืมตาโพล่งขึ้นมาด้วยความตกใจ ก่อนจะใช้มือดันตัวเพื่อนสาวของตนออกไปห่าง ๆ
                     
      “แก๊! แก แก แก แก แก แก แก แก๊!”
      เสียงหวานแผดร้องดังลั่นคับห้องดั่งคนบ้า พลางเข้ามาเขย่าแขนคนตัวสูงอีกครั้ง
                     
      “เป็นอะไรของแกวะ! ผีเข้าหรอ!”
       
      “ไอ้บ้า! แต่ว่า...แก๊! แก แก แก แก แก แก๊! โคตรน่ารักอ๊า~”
      แจมพูดขึ้นมาราวกับคนกำลังเพ้อฝัน ดวงตาสีดำสนิทแลดูเหม่อลอยในขณะที่ใบหน้าหวานติดจะแดงระเรื่อนิด ๆ แก้วที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เห็นดังนั้นจึงเลิกคิ้วขึ้นสูง งงกับอาการเหม่อ ๆ ของเพื่อนตัวเองยิ่งนัก...หรือตอนเช้าแจมจะไม่ได้กินข้าวเช้า...ตอนนี้เลยละเมอหิว ??
       
      “เอ่อ...แกพยายามจะบอกอะไรฉัน ขอเป็นภาษามนุษย์น่ะเว่ย”
      ร่างสูงแกะมือบางของอีกฝ่ายที่เกาะแขนของตนแน่นออก พลางนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม แก้วเท้าคางจ้องอีกฝ่ายเขม็งอย่างคาดคั้น เธออยากรู้จริง ๆ เลย ว่าชีวิตแสนธรรมดาในรั้วโรงเรียนอย่างนี้ มันมีอะไรที่ทำให้เพื่อนของเธอถึงเกิดอาการอย่างนี้ได้...หรือจะไปเจอคนถูกใจเข้า ??
       
      “โคตรน่ารักอ่ะ น่ารักมั่กมาก น่ารักที่สุดเลยแก๊!”
      แจมยังคงไม่เลิกเพ้อเจ้ออยู่คนเดียว คราวนี้สาวเจ้าหมุนตัวไปมาราวกับคนมีความสุข ดวงตาสีดำสนิทดูมีประกายบางอย่างที่คนที่มองดูอยู่อย่างเธอไม่อาจจะเข้าใจได้ แก้วผ่อนลมหายใจออกมาช้า ๆ อย่างเหนื่อยใจ...หรือตอนเช้าแจมไปกินยาพิษเข้าเลยเพ้อเจ้อหนักขนาดนี้กันแน่นะ ??
       
      “โห่วแก สุดยอด น่ารักเกินคำบรรยาย น่ารักสุด ๆ น่าสุดยอดเลยอ่ะแก๊!”
      ร่างเล็กยังคงพูดคนเดียวต่อไปราวคนเสียสติ ภายในดวงตายิ่งเพ้อฝันเข้าไปใหญ่จนเธออดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนของเธอจะกลับยังมาโลกแห่งความจริงถูกไหม
       
      “ว๊าก อ๊าก โว้ย! ตื่น ๆ ๆ ๆ ๆ ตื่นโว้ย!”
      แก้วลุกขึ้นยืนแล้วใช้มือทั้งสองเขย่าตัวเพื่อนตัวเองไปมา ไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอมีเพื่อนบ้า ๆ บอ ๆ อย่างนี้กับเขาด้วย
       
      “โว้ย! คนกำลังจินตนาการอยู่! จะขัดทำซากอะไรห๊ะ!”
      ร่างเล็กร้องโวยวายอย่างไม่พอใจ ดวงตาสีดำนิทมีแววขุ่นเคืองเล็กน้อยอย่างที่เธอไม่เข้าใจว่าเธอไปทำอะไรขัดใจสาวเจ้าเข้า แจมทำแก้มป่องเล็กน้อยก่อนจะยอมเปิดปากอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ร่างสูงฟังอย่างย่อ ๆ
       
      “ก็นักเรียนที่จะมาเรียนกับพวกเราน่ะสิ วันนี้ไปเจอมาแล้วเว่ยแก แบบว่า เป็นพี่น้องกัน 2 คน คนน้องโคตรน่ารักอ่ะแก๊! เอ...รู้สึกจะชื่อ...เฟย์...ใช่ ๆ ! ชื่อเฟย์ ! กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด! เขาว่ากันว่าคนชื่อเฟย์มักจะน่ารักนะเว่ย !”
      และแล้วร่างเล็กก็กลับไปเพ้อฝันต่ออย่างเดิม โดยมีสายตาจากแก้วที่มองมาอย่างปลง ๆ ในความบ้าของเพื่อนตัวเอง
       
      ‘พี่น้องกันงั้นหรอ...แล้ว...คนพี่ชื่ออะไรล่ะ...’
      ร่างสูงส่ายหัวไปมาพยายามไล่ความคิดเกี่ยวกับนักเรียนคนพี่ออกไปจากหัว หากแต่ทำเท่าไหร่ก็ดูเหมือนสมองเธอจะมีแต่นักเรียนคนนั้นเต็มไปหมด...ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เห็นหน้า แม้แต่ชื่อเธอก็ยังไม่รู้...แล้วทำไมเธอถึง...อยากจะรู้จักนักเรียนคนนั้นขนาดนี้นะ...หรือว่าเธอเป็นพวกเห่อผู้หญิง !!??!!
       
      ‘ไม่ใช่ ๆ เราไม่ใช่พวกวิปริตแบบนั้นสักหน่อย’
       
      แต่ก่อนที่ความรู้สึกแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นในร่างของแก้วจะทำให้เธอสับสนไปมากกว่านี้ นักเรียนคนอื่น ๆ ภายในห้องต่างก็ลุกพรึ่บขึ้นมาทำให้เธอต้องเบนความสนใจไปยังหน้าห้องทันที หญิงสาวตัวเตี้ยใส่แว่นวัยประมาณ 50 ต้น ๆ เดินอาด ๆ เข้ามาในห้องเรียนที่เย็นช่ำไปด้วยแอร์ ใบหน้าที่มีรอยเหี่ยวย่นเล็กน้อยแลดูน่ากลัวสำหรับพวกเธอเป็นอย่างมาก
       
      อาจารย์ที่ปรึกษาห้องของเธอหยุดยืนอยู่หน้ากระดาน ไม่มีเสียงใด ๆ เล็ดลอดออกมาจากปากของท่าน ทำเอาห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบจนน่าอึดอัด
       
      “อะ...เอ่อ...นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ...”
      แจมที่ดูเหมือนเพิ่งจะเรียกสติของตัวเองกลับมาได้รีบทำหน้าที่หัวหน้าห้องของตนอย่างรีบร้อน อาจารย์ที่ปรึกษาจึงปรายตามามองร่างเล็กอย่างคาดโทษ ทำเอาคนที่นั่งอยู่ข้างหลังเช่นแก้วยังต้องเสียววาบไปทั้งตัว
       
      “ชลธร ครูว่าครูอบรมเรื่องหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมามากแล้วนะ”
      เสียงทรงอำนาจเอ่ยออกมาในที่สุด ใบหน้าของครูที่ปรึกษาแลดูบึ้งตึงลงไปอีกเป็นเท่าตัว จนแจมเริ่มเหงื่อตก
       
      “แหะๆ...ขอโทษค่ะ ครู...”
      ร่างเล็กพูดเสียงแผ่วอย่างสำนึกผิด พลางก้มหน้ามองพื้นนิ่ง ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปสบสายตาดุ ๆ ของครูที่ปรึกษาเลยแม้แต่น้อย
       
      “อย่าให้มีครั้งต่อไปแล้วกันนะ ชลธร”
      ครูที่ปรึกษาพูดเสียงเรียบก่อนจะละสายตาจากร่างเล็กไป
       
      “คงทราบกันแล้วว่า 4 วันนี้จะมีนักเรียนจากโรงเรียนอื่นมาเรียนร่วมกับพวกเรา สำหรับห้องของเรา ได้นักเรียนหญิงมา 2 คน ยังไงก็ขอให้ทุกคนดูแลพวกเขาด้วยแล้วกัน เข้ามาได้ ธนันต์ธรญ์ พรปวีณ์
       
      ร่างเล็กของนักเรียนหญิงในเครื่องแบบที่แปลกตาก้าวยาว ๆ เข้ามาในห้อง ผมสีน้ำตาลอ่อนซอยสั้นถูกจัดทรงให้เรียบร้อย ใบหน้าขาวมีลักยิ้มติดอยู่ที่แก้มทั้งสองข้างแลดูน่ารักจนทำเอาทุกคนภายในห้องโดยเฉพาะผู้ชายแทบลืมหายใจ...แล้วถ้าหันไปมองแจม จะเห็นได้ว่ารายนั้นมองร่างเล็กนั่นด้วยสายตาหยาดเยิ้มซะจนเธออดจะแหวะใส่ไม่ได้
       
      หากแต่ร่างสูงกลับต้องสะอึก ดวงตาสีดำสนิทเบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หัวใจดวงน้อยที่อยู่ข้างในพาลเต้นระส่ำโดยที่เธอไม่รู้สาเหตุ...
      ร่างบางที่เดินตามมาข้างหลังราวกับสะกดทุกสิ่งมีชีวิตในที่นั้น ทุกอย่างราวกับหยุดนิ่ง ไม่มีใครขยับเขยื้อนไปไหนได้ แม้แต่จะกระดิกนิ้วก็ตาม เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนเหมือนน้องสาว หากแต่ปล่อยสยายถึงกลางหลัง ดวงหน้าเนียนใสมีสีชมพูระเรื่อเล็กน้อยทำเอาคนมองถึงกับหายใจติดขัด
       
      “สองคนนี้เป็นพี่น้องกัน ถ้ายังไงชั่วโมง Homeroom ก็หมดแล้ว พรปวีณ์ เธอไปนั่งข้างชลธรก็แล้วกัน ส่วนธนันต์ธรญ์ ที่นั่งข้างจริญญายังว่างอยู่ เธอไปนั่งตรงนั้นก็แล้วกัน”
      ครูที่ปรึกษาพูดขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่นักเรียนใหม่ทั้งสองจะเดินไปนั่งยังที่ที่ของตัวเองตามคำสั่งทันที ถ้าพูดถึงหน้าของแจมในตอนนี้นั้น...รายนั้นตอนนี้หน้าบานกว่าฝาหม้อซะอีก แต่ถ้าพูดถึงร่างสูงที่ในตอนนี้น่ะหรอ...นั่งแข็งทื่อราวกับหุ่นยนต์ก็ไม่ปาน
       
      ...หัวใจเธอเต้นระส่ำอยู่ในอก...เหงื่อกาฬพาลไหลออกมาให้รู้สึกเหนียวตัวจนน่าอึดอัด..ลมหายใจเข้าออกเริ่มติดขัดอย่างไม่รู้สาเหตุ...อุณหภูมิภายในร่างกายมันขึ้น ๆ ลง ๆ จนเธอจะจับไข้ก็ไม่ปาน...
       
      เธอเป็นอะไรไปแล้วนี่ ??!??
       
      ยิ่งร่างบางของนักเรียนใหม่ผู้พี่เดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ หัวใจเธอก็เต้นไม่หยุดราวกับจะเด้งออกมาจากอกก็ มือไม้พาลสั่นจนประหม่าไปหมด รู้สึกอยากจะหายไปจากที่ตรงนั้นเดี๋ยวนี้เลย
       
      ร่างบางเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าขาวเนียนแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มสดใสชวนมองเสมอ มือเล็กวาลงบนโต๊ะเรียนข้าง ๆ เธอก่อนที่เธอจะ...
       
      ปัง!
       
      ร่างสูงทุบโต๊ะดังปังแล้วกลับตัวเดินเร็ว ๆ ออกไปจากห้องทันที สร้างความงุนงงแก่เพื่อนในห้องเป็นอย่างมาก รวมถึงครูที่ปรึกษาที่ดูจะไม่พอใจนิดหน่อยกับท่าทีของแก้ว และนักเรียนใหม่ทั้งสองที่มองหน้ากันงง ๆ ก่อนที่ร่างบางจะนั่งลงเหมือนเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
       
      “สงสัยวันนี้มันผีเข้า อย่าไปสนใจมันเลยนะ มันก็บ้าอย่างนี้บ่อย ๆ นั่นแหละ”
      แจมหันหน้ามาคุยร่างบาง ก่อนที่จะหันไปคุยจ้อกับร่างเล็กข้าง ๆ อย่างอารมณ์ดี
       
       
       
       
       
      “จะบ้า จะ บ้า จะบ้า จะบ้า จะบ้า จะบ้า จะบ้าตายกันไปข้างหนึ่งนี่แหละ! ปัดโธ่เว่ย! เป็นอะไรไปวะไอ้แก้ว! แกเป็นโรคจิตรึไงห๊ะ! ไอ้โง่เอ๊ย! กะอีแค่เจอคนน่ารักหน่อยเดียวทำเป็นตื่นเต้น ไม่กล้านั่งด้วยใกล้ ๆ แกจะเพ้อเจ้อไปใหญ่แล้วนะเว่ย! นั่นผู้หญิง ท่องไว้ ผู้หญิง! She is a girl!!! เขาเป็นผู้หญิงโว้ยยยยยยยยย!!!!”
      หลังจากที่วิ่งเผ่นแน่บออกมาจากห้อง แก้วก็ตรงดิ่งมายังห้องน้ำชั้น 4 ทันที เพราะห้องน้ำหญิงชั้นนี้ไม่ค่อยมีคนมาใช้กันเพราะอยู่สูง ไม่มีใครอยากเสียเวลามาเมื่อยขาเล่นแบบเธอหรอก
       
      แก้วร้องโวยวายใส่ตัวเองในกระจกราวกับคนบ้า เธอตบหน้าตัวเองหลายครั้งอย่างกับจะปลุกตัวเองให้ตื่นขึ้นมาจากความฝันบ้า ๆ
       
      “บ้าเอ๊ย! เราเป็นอะไรไปเนี่ย! กะ...อี...แค่...ผู้หญิง...คนเดียว...อ๊ากกกกกกกกกก!...มันต้องไม่ใช่....เราต้องไม่ใช่พวก...อย่างนั้น...สักหน่อย...”
      แต่ถึงแม้จะคัดค้านความรู้สึกแปลก ๆ ภายในที่เกิดขึ้นมากเท่าไหร่ก็ตาม ดูเหมือนสมองของเธอจะไม่ยอมให้ความร่วมมือด้วยสักนิด ภาพที่ร่างบางของนักเรียนคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ ๆ ก็ผุดขึ้นมาในสมองอย่างช่วยไม่ได้ ทำเอาเธอถึงกับเคลิ้มไปทีเดียว แต่พอรู้สึกตัว...
       
      “อ๊ากกกกกกกกก! เราโดนล้างสมองชัวเลย!”
       
      ...บางทีวันนี้...อาจจะเป็นวันที่เธอต้องเสียสติไปแล้วก็ได้...
       
       
       
      เสียงเอะอะโวยวายดังคับสิ่งก่อสร้างชั้นเดียวขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางซ้ายของโรงเรียนใหญ่ นักเรียนหลายต่อหลายคนต่างทยอยเดินเข้าไปทานอาหารในโรงอาหารกันเป็นแถว ปากก็ไม่หยุดพูดคุยถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เนื้อหาส่วนใหญ่เกี่ยวกับนักเรียนที่มาจากโรงเรียนอื่น รวมถึง...พวกเธอในตอนนี้ด้วย...
       
      “แก้ว ถามจริงเหอะ แกเป็นบ้าอะไรวะ อยู่ดี ๆ ก็วิ่งออกไปจากห้อง แถมยังไม่ยอมกลับมาเรียนคาบเช้าทั้งคาบอีก รู้ไหมอาจารย์แกหัวเสียขนาดไหน ถึงขนาดคาดโทษเอาไว้เลยนะเว่ยว่าเจอแกเมื่อไหร่จะทำโทษเสียให้เข็ด ดีนะ ที่ฉันแก้ต่างให้แกไปว่าแกท้องเสียน่ะ”
      แจมร่ายยาวทันทีที่ร่างสูงเดินเข้ามานั่งร่วมโต๊ะด้วย ดีที่ขณะนั้นนักเรียนใหม่สองพี่น้องเดินไปซื้ออาหารอยู่ ทำให้แก้วไม่รู้สึกอึดอัดมากเท่าไหร่ เธอนั่งลงที่โต๊ะอาหารด้วยท่าทีสบาย ๆ
       
      “แกตอบฉันมาสิวะ อย่ามานั่งทำหน้ากวนส้นเท้า รู้ไหมคาบเช้าทั้งคาบฟางเขาไม่มีเพื่อนคุยเลยนะเว่ย แกไม่สงสารอาจารย์ แกก็สงสารเพื่อนร่วมโต๊ะแกหน่อยสิวะ”
      เมื่อเห็นว่าแก้วยังไม่ตอบคำถาม แถมยังนั่งอมยิ้มอยู่คนเดียว แจมก็เริ่มสวดขึ้นอีกครั้ง
       
      “น่าน่า แต่...นักเรียนคนนั้นชื่อ ฟาง หรอ”
      ร่างสูงหันมาให้ความสนใจทันทีที่พูดถึงเรื่องของนักเรียนใหม่ที่มานั่งข้าง ๆ เธอ ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร รู้อย่างเดียวว่าไม่ว่าจะเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับนักเรียนใหม่คนนี้ ดูเธอจะสนใจไปซะทุกเรื่อง
       
      “ก็เออเดะ แล้วคาบบ่ายแกอย่าลืมไปเรียนด้วยล่ะแก ไม่งั้นฉันโกรธแกจริง ๆ ด้วย”
      แจมพูดพลางทำหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจเท่าไหร่ทำให้แก้วต้องรับปากไปอย่างช่วยไม่ได้
       
      ไม่นานนัก ฟางกับเฟย์ก็เดินถืออาหารมานั่งที่โต๊ะ โดยที่เฟย์เดินไปนั่งข้างแจม และฟางเดินมานั่งข้างเธออย่างช่วยไม่ได้ ดูแจมจะดีใจสุด ๆ เมื่อเฟย์เลือกจะนั่งข้างมัน แต่เธอนี่สิ...เริ่มทำตัวไม่ถูกเข้าให้แล้วไง...
       
      “แก้วไม่กินข้าวหรอ”
      เสียงหวานพูดด้วยอย่างเป็นมิตร ใบหน้าขาวเนียนเบือนมาสบตากับร่างสูงนิ่งยิ่งทำให้หัวใจข้างในร่างของเธอเริ่มเต้นไม่เป็นส่ำ แล้วยิ่งเรียกชื่อเธออย่างสนิทสนมด้วยแล้ว มันก็ยิ่งทำให้เธออยากจะวิ่งออกไปจากที่ตรงนั้นแล้วแหกปากตะโกนให้หายบ้าไปเลย
       
      “อ่า...ดะ...เดี๋ยวจะไปซื้อน่ะ...ตะ...แต่ว่า...ฟางรู้ได้ไงว่าเราชื่อแก้ว...”
      แก้วพูดตะกุกตะกักเล็กน้อยอย่างตื่นเต้น ก็นี่เป็นบทสนทนาแรกของเธอกับนักเรียนใหม่คนนี้น่ะสิ ถึงเธอจะไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงตื่นเต้นขนาดนี้ก็ตาม
       
      “แล้วทำไมแก้วถึงรู้ชื่อของฟางล่ะ”
      ร่างบางยิ้มให้เธอจนตาหยีพลางพยักเพยิดไปทางแจมที่นั่งคุยกับเฟย์เป็นต่อยหอย
       
      ...นั่นไง...ไอ้พวกปากเป็นรู...
       
      แก้วคิดในใจอย่างคาดโทษ ไม่รู้ว่าแจมเอาเรื่องเธอไปเผาว่ายังไงบ้างระหว่างที่เธอไม่อยู่ ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียว ก็วีรกรรมของเธอมันใช่น้อย ๆ ซะเมื่อไหร่ล่ะ แล้วแจมยังเป็นพวกเล่าเกินจริงอีกต่างหาก สงสัยเลิกเรียนวันนี้คงต้องไปงัดปากยัยแจมสักครั้งล่ะน่า...
       
       
       
      “ในสภาวะ Emergency when O2 is lack of state of no Oบลา ๆๆๆๆ”
      เสียงระดับเดียวของอาจารย์ประจำวิทยาศาสตร์ดังต่อไปเรื่อย ๆ โดยที่อาจารย์ผู้สอนไม่ได้ใส่ใจเลยว่านักเรียนเกือบครึ่งห้องต่างเข้าสู่ห้วงนิทราไปเฝ้าพระอินทร์เรียบร้อยแล้ว เสียงกรนเบา ๆ ดังเป็น Chorus ให้กับเสียงของอาจารย์ที่ยังคงสอนต่อไป หากแต่ก็ยังมีนักเรียนกลุ่มหนึ่งที่ยังคงฝืนสังขารตัวเองนั่งฟังอยู่ แม้ว่าหนึ่งในนั้นเปลือกตาปิดลงมาเกือบครึ่งแล้วก็ตาม
       
      ร่างบางผงกหัวขึ้นลง กึ่งหลับกึ่งตื่นแลดูน่ารักน่าเอ็นดูในสายตาของคนที่แอบลอบมองอย่างเธอเหลือเกิน ร่างสูงอมยิ้มนิด ๆ กับท่าทีของคนที่นั่งข้าง ๆ ตน อดคิดไม่ได้ว่าทำไมไม่หลับไปเลยทั้ง ๆ ที่อาจารย์ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักอย่าง
       
      แก้วหัวเราะคิกอยู่คนเดียวเบา ๆ ถ้าพูดถึง 2 คนที่นั่งข้างหน้าเธอน่ะหรอ...แจมกับเฟย์กำลังนอนเอาหัวพิงกันอยู่น่ะสิ รู้สึกว่าสองคนนี้จะสนิทกันจังเลยนะ ผิดกับคู่ของเธอที่ฟางถามคำเธอตอบคำ ไม่ใช่ว่าเธอรังเกียจฟางแต่อย่างใด เหตุผลจริง ๆ น่ะ...เธอก็ไม่รู้หรอก...แต่เธอรู้อย่างเดียวว่าเธอไม่ควรจะสนิทกับฟางไปมากกว่านี้
       
      ร่างบางยังคงนั่งกึ่งหลับกึ่งตื่นต่อไปจนแก้วเริ่มรู้สึกสงสารตงิด ๆ กลัวว่าฟางจะเมื่อยคอเมื่อตื่นขึ้นมา มือใหญ่จึงเอื้อมไปกดหัวอีกฝ่ายให้เอนลงมาซบกับไหล่ของตนในที่สุด
       
      ...ยิ่งมองใบหน้าใกล้ ๆ แบบนี้ หัวใจก็ยิ่งเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ...ริมฝีปากอิ่มเอิบน่าสัมผัสนั่น...เธอล่ะอยากจะ...
       
      ‘เฮ้ย ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ! ไอ้แก้ว! นั่นผู้หญิง! แกท่องสิวะ! นั่นผู้หญิง! แกยังไม่อยากเป็นพวกเพศที่สามใช่ไหม!’
       
      แก้วตบหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองใบหน้าขาวเนียนที่ซบอยู่บนไหล่ของเธอ...น่ารัก...ไม่ว่าจะอริยาบถไหน คนคนนี้ก็น่ารักไปซะหมด...จนเธออดไม่ได้จริง ๆ...ที่จะคิดว่า...เธอชอบนักเรียนใหม่คนนี้เข้าให้แล้ว...
      ...แต่ก็นะ...เธอไม่ยอมเป็นพวกอย่างนั้นหรอก...
       
       
       
      แล้วเวลาก็เดินมาจนหมดคาบเรียน อาจารย์ผู้สอนวิทยาศาสตร์กล่าวลานักเรียนที่ตอนนี้ทั้งห้องต่างก็เข้าสู้ห้วงนิทราไปกันหมด เหลือเพียงเธอที่ยังคงนั่งอมยิ้มอย่างมีความสุขอยู่คนเดียว
      ...ใช่...เธอกำลังมีความสุข...สุขมาก ๆ ซะด้วยสิ...
      ...เธอยอมรับ...ว่าบางทีเธออาจจะชอบนักเรียนใหม่คนนี้เข้า แต่อาจจะเป็นความรู้สึกที่เพื่อนมีต่อเพื่อนก็ได้ และเมื่อเธอคิดอย่างนั้น...ทุกอย่างก็แลดูสดใสไปเสียหมด...ให้ตายสิ...แล้วเธอจะมามัวตื่นเต้นอยู่ทำไมกันนะ...
       
      “อ่ะ...อืม...”
      ร่าบางผงกหัวตัวเองขึ้นมาอย่างงัวเงีย มือบางยกขึ้นขยี้ตาตัวเองพลางสะบัดหัวเพื่อนให้ตาสว่างมากขึ้น
       
      “อ่าวแก้ว นี่ฟางหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
      ฟางเอ่ยถามทันทีเมื่อเหลือบไปเห็นร่างสูงที่นั่งอมยิ้มให้ตนอยู่ใกล้ ๆ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้มือข้างหนึ่งของตนกำลังกุมมือใหญ่ของใครบางคนอยู่
       
      “ก็ตั้งแต่ต้นคาบนั่นแหละ แต่เอ...ทำไมมือเราร้อน ๆ หว่า...”
      แก้วพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์พลางพักเพยิดไปยังมือของตนที่ถูกกุมไว้อยู่ ฟางจึงมองตามแล้วก็ต้องรีบชักมือกลับโดยพลันอย่างตกใจ ใบหน้าขาวเนียนเริ่มขึ้นสีระเรื่ออย่างน่ารัก ร่างบางก้มหน้างุด ๆ อย่างเขินอาย
       
      “ทะ...โทษที...”
       
      “มะ...ไม่เป็นไรหรอก...”
      ร่างสูงพูดเสียงสั่นพลางหันหน้าหนีแล้วเกาหัวแก้เก้อ หัวใจสั่นคลอนเล็กน้อยเมื่อนึกถึงใบหน้าแดง ๆ เมื่อกี้...ความรู้สึกแบบนี้...มันใช่เพื่อนมีต่อเพื่อนแน่หรือ ??
       
      ...หรือบางที...เธออาจะชอบนักเรียนคนนี้เข้าแล้วจริง ๆ ??
       
       
       
      “ไอ้แก้ว แกเขยิบเข้าไปใกล้ฟางอีกหน่อยดิแก ยืนห่างกันเป็นวาแล้วฉันจะถ่ายได้ไหมวะ เร็ว ๆ ไม่ต้องมาทำเป็นเถียง”
      แจมตะโกนสั่งอย่างหัวเสีย พลางจับกล้องในมือให้มั่น ก็วันนี้มันเป็นวันที่ 3 แล้ว แต่เธอยังไม่มีรูปนักเรียน 2 คนนี้เลยสักรูป วันนี้ก็เลยถือวิสาสะเอากล้องมาถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึกซะเลย แต่แก้วน่ะสิ ให้ความร่วมมือเหลือเกิน เธอขอถ่ายรูปคู่แก้วกับฟาง แค่นี้ทำเป็นเขิน ต้องวิ่งไล่จับกันแทบตายกว่าจะยอมมาถ่ายดี ๆ ...ไม่ใช่...ดีซะที่ไหนล่ะเนี่ย!!!
       
      “วะ! ก็ยอมมาถ่ายแล้ว เรื่องมากจริงวุ้ยแก! งั้นก็ไม่ต้องถ่าย! ชิชะ!”
      ร่างสูงกอดอกแล้วเชิดหน้าไปทางอื่นอย่างอารมณ์เสีย ไม่รู้จะสั่งอะไรนักหนา ไอ้เรื่องที่เธอไม่ถูกกับกล้องแจมก็น่าจะรู้ แต่ทำไมยังจะจับเธอมาถ่ายอีกแถม...ต้องมาถ่ายคู่กับฟางด้วยน่ะสิ...
       
      “น่าแก้ว ฟังแจมเหอะ แปปเดียวเอง นะ ๆ”
      ร่างบางกระตุกชายเสื้อเธอเบา ๆ พลางทำสีหน้าขอร้องเต็มประดา ทำเอาแก้วใจอ่อนยวบในที่สุด ร่างสูงเบ้ปากอย่างขัดใจเล็กน้อย แต่ก็ยอมเดินเข้ามายืนใกล้ ๆ ฟางนิดหน่อย
       
      “เออ แค่นี้ก็จบ เดี๋ยวแม่ปั๊ดตบด้วยปลายนิ้วก้อยเลย!”
      แจมพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะกดถ่ายภาพในที่สุด เมื่อกดถ่ายเสร็จ แก้วก็รีบเด้งออกจากที่ตรงนั้นทันทีราวกับอยู่ใกล้ของร้อนก็ไม่ปาน ใบหน้าคมแดงระเรื่ออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หัวใจพาลเต้นระรัวอยู่ในอกโดยไม่รู้สาเหตุ...ก็แค่ยืนอยู่ใกล้ ๆ...เท่านั้นเองนี่น่า...
       
      โป๊ก!
       
      แต่แล้วแก้วเกือบหน้าคะมำ เมื่อจู่ ๆ แจมก็เอาม้วนหนังสือพิมพ์จากที่ไหนก็ไม่รู้มาฟาดหัวเธอเต็มเหนี่ยวจนทำเอาร่างสูงถึงกับน้ำตาเล็ด
      เธอหันไปมองตัวต้นเหตุอย่างเคือง ๆ และแน่นอน...มันต้องแก้แค้นเซ่!!
       
      “ไอ้แจม! แกตายซะเถอะ!”
      ว่าจบแก้วก็วิ่งไล่แจมราวกับหมาบ้าวิ่งไล่ฟัดไปรษณีย์ก็ไม่ปาน แต่แจมก็วิ่งหนีเร็วพอทำให้จับตัวได้ยาก
       
      “เฟย์ เฟย์ดูดิ หมาบ้าจะกัดแจมอ่ะ ช่วยหน่อยสิคะ”
      แจมวิ่งเข้าไปหลบอยู่หลังเฟย์เหมือนเด็กน้อยที่ไร้ทางสู้ พลางส่งเสียงอ้อนราวกับลูกหมาโดนรังแก จนทำเอาแก้วอดหมั่นไส้ในใจไม่ได้ เฟย์หัวเราะเล็กน้อยกับนิสัยเด็ก ๆ ของแจม
       
      “ฮึ๋ย! เล่นงี้หรอแก! เฟย์ ถ้าเฟย์ไม่ยอมออกไปจากแจมนะ พี่สาวเฟย์โดนเราฆาตกรรมแน่”
      ร่างสูงพูดพลางกระตุกยิ้มอย่างผู้กุมชัยชนะ มือใหญ่เอื้อมไปล็อคคอร่างบางเอาไว้หลวม ๆ แล้วเอานิ้วชี้กับนิ้วกลางทำเป็นปืนจ่อหัวฟางเอาไว้
       
      “โหยยยย บังอาจมายุ่งกับพี่ฟาง มาต่อยกันดีกว่าไหมแก้ว”
      เฟย์พูดพลางถลึงตาใส่ร่างสูง หากแต่แก้วก็ไม่หวั่น
       
      และแล้วทั้ง 4 ก็วิ่งไล่กันเป็นเด็ก ๆ เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขดังไม่หยุดจากคนทั้ง 4 คน ถึงแม้จะวิ่งมากเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครบ่นอิดออดว่าเหนื่อยเลยสักครั้ง รอยยิ้มอย่างจริงใจประดับอยู่บนริมฝีปากโดยไม่รู้เลยว่า ความรู้สึกดี ๆ มันเริ่มก่อตัวขึ้นน้อย ๆ ในจิตใจของทั้งสี่คนเรียบร้อยแล้ว
       
       
       
      “สภาวะ Emergency นี้จะมี Ethnol and Lactic ซึ่ง บลา ๆๆๆๆๆ”
      อาจารย์วิชาวิทยาศาสตร์คนเดิมยังคงสอนบทเรียนเดิม ๆ ต่อไปด้วยน้ำเสียงเนิบ ๆ ที่คู่ควรแก่การหลับเสียจริ งหากแต่ยังคงมีเพียง 4 คนเท่านั้นที่ไม่ว่าต้องการจะหลับมากแค่ไหน แต่ก็ข่มตาหลับลงไม่ได้สักที
       
      ...ก็วันนี้มันวันสุดท้ายแล้วน่ะสิ...เฟย์กับฟางจะกลับไปโรงเรียนตัวเองในตอนกลางวันนี้ เธอก็ไม่รู้ว่าโรงเรียนของสองพี่น้องคู่นี้อยู่ที่ไหนซะด้วย...แล้ว...ไอ้ความรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้นี่มันคืออะไรกันนะ...
       
      “วันนี้...อากาศสดใสดีเนอะ...”
      เฟย์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่พยายามปรับให้ดูร่าเริงกว่าเดิม แต่มันกลับยิ่งทำให้ความรู้สึกแย่ ๆ ข้างในทวีตัวขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่มีเหตุผล ก่อนที่ทุกอย่างจะตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง มีเพียงเสียงของอาจารย์เท่านั้นที่ยังคงดังต่อไป
       
      ...การจากลา...เริ่มใกล้เข้ามาทุกที...
       
       
       
      ช่วงพักกลางวันที่ใครหลายคนต่างปรารถนาก็ได้มาถึง แต่จะรู้ไหม ว่ามีใครบางคนเฝ้าภาวนาให้เวลาเดินช้ากว่าปกติอยู่
       
      เฟย์ ฟาง และคนอื่น ๆ ที่เป็นนักเรียนจากโรงเรียนอื่นนั่งอยู่ที่ม้านั่งหน้าโรงเรียนด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่ และคนที่เป็นมากที่สุดดูจะเป็นฟางเสียมากกว่า
       
      “ฟาง แก้วมันคงมีธุระของมันน่ะนะ มันเลยมาส่งไม่ได้ ชั่งมันเถอะนะ”
      แจมพูดปลอบใจอีกฝ่ายที่นั่งน้ำตาคลอ โดยมีน้องสาวนั่งจับมืออยู่ข้าง ๆ ช่วยปลอบด้วยคน แจมไม่รู้จะทำหน้ายังไง เมื่อเพื่อนตัวดีของเธอดันหายหัวไปไหนก็ไม่รู้ และเธอก็ไม่มีเวลาจะมาหาตัวแก้วตอนนี้ด้วย
       
      “แจม...คือ...ฟางขอแจมอย่างหนึ่งได้ไหม...”
      ร่างบางเงยหน้าขึ้นมา ฟางมองเธอด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา มือบางเอื้อมมาเกาะแขนเธอแน่นทำเอาเธอไม่กล้าปฏิเสธ
       
      “ว่ามาสิ..”
       
      “...”
       
       
       
      ร่างสูงเอนหลังพิงพนักกำลังระเบียงชั้น 5 ของตึกที่เธอเรียนอยู่อย่างอ่อนล้า เรี่ยวแรงที่เคยมีมากมายอยู่ทุกวี่ทุกวันบัดนี้มันกลับหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ รู้สึกไม่อยากจะทำอะไรอีกแล้วในชีวิตนี้ พลันสมองก็นึกไปถึงใบหน้าขาวเนียนของร่างบางที่ตอนนี้คงจะขึ้นรถกลับโรงเรียนตัวเองไปแล้ว หัวใจก็กลับกระตุกวูบอย่างน่าใจหาย...ยิ่งนึกถึงใบหน้าที่มีรอยยิ้มแต่งแต้มนั่น...ก็ยิ่งกระหายอยากจะเจอหน้า...
       
      “ยัยบ้าเอ๊ย...”
      แก้วชันเข่าขึ้นข้างหนึ่งก่อนจะซบใบหน้าลงกับเข่าตัวเอง แล้วปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอย่างไม่รู้สาเหตุ ตอนนี้เธอเจ็บปวดเหลือเกิน หัวใจมันเจ็บจนชาไปหมดแล้ว เรี่ยวแรงมันก็หายจนไม่อยากจะมีชีวิตอีกต่อไป...เพราะเขาคนเดียว...เพราะฟาง...คนเดียว
       
      บรึ๋น!
       
      เสียงเครื่องยนต์ดังลั่นขึ้นมาทำเอาแก้วต้องผงะ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงที่ยางล้อรถเสียดสีกับพื้นถนน ทำให้ร่างสูงต้องรีบชันตัวลุกขึ้น ดวงตาสีดำสนิทเบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเห็นรถของฟางแล่นออกไปจากสนามโรงเรียน หัวใจแทบจะหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อคิดว่าพรุ่งนี้จะไม่มีรอยยิ้มที่สดใสนั่นอีกแล้ว
       
      แก้วออกวิ่งทันที เธอหวังแค่ว่าอยากจะเห็นใบหน้าขาวเนียนนั่นอีกครั้งก่อนจากลาเท่านั้น ทำไมนะ..ทำไมถึงเป็นแบบนี้กัน...ทำไมเธอถึงต้องโหยหารอยยิ้มนั่นมากขนาดนี้ด้วยนะ...ทำไม...ทำไมกัน...
       
      ร่างสูงวิ่งมาจนถึงชั้นล่างสุด หากแต่มันก็สายไปแล้วเมื่อยามนี้ไม่มีรถของฟางจอดอยู่บริเวณสนามอีกแล้ว...ฟาง...ไปแล้ว...รอยยิ้มที่สดใสนั่น...ถูกพรากไปจากเธอซะแล้ว...
       
      แก้วทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดแรง น้ำตาเริ่มพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย หัวใจข้างในบีบตัวเข้าหากันจนเจ็บไปหมดอย่างไม่รู้เหตุผล...ไม่ใช่...เหตุผลน่ะ...เธอรู้แล้ว...แต่เธอดันมารู้ในตอนที่สายไปแล้วน่ะสิ...
       
      ...แค่ 4 วัน แค่ 4 วันเท่านั้น แต่มันกลับทำให้เธอมีความรู้สึกดี ๆ มากมายขนาดนี้...เวลาเพียงไม่กี่วัน...แค่ไม่กี่วัน...แต่มันกลับทำให้เธอ...ทำให้เธอตกหลุมรักใครบางคนเข้าให้แล้วน่ะสิ...
      ...เธอโง่เองที่ปิดกั้นความคิดผิดแผกแบบนั้น...เธอโง่เองที่หลงคิดว่าความรู้สึกพิเศษมันเป็นเพียงคำว่า ‘เพื่อน’ เธอโง่เองที่ไม่ไคว่คว้าความสุขให้ได้มากที่สุด...และเธอก็โง่เองที่ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันเรียกว่าอะไรจนถึงวินาทีสุดท้าย...
      ...ทุกอย่าง...เพราะเธอโง่เองคนเดียว...และมันก็สมควรแล้วที่ตอนนี้...เธอต้องมาเสียน้ำตาให้กับความโง่ของตัวเอง...
       
      ...หากเธอจะขอเชื่อในพระเจ้าสักครั้ง...ขอให้ ‘เขา’ กลับมาหาเธอพร้อมรอยยิ้มที่เธอหลงใหลจะได้ไหม...เมื่อเธอลืมตาตื่นขึ้นมา...ขอให้เธอได้พบ ‘เขา’ สักครั้งจะได้ไหม...ให้เธอ...แก้ตัวสักครั้งจะได้ไหม...
       
      แก้วหลับตาลงช้า ๆ อย่างมีความหวัง แม้ว่ามันจะดูเพ้อเจ้อก็ตามที...แต่เธอก็ยังทำ...เพราะมันอาจเป็นสิ่งเดียวในตอนนี้ที่เธอทำได้...
       
      ร่างสูงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาช้า ๆ อย่างยากลำบาก เธอไม่อยากพบความจริงที่ว่าฟางได้จากเธอไปแล้ว เธอไม่อยากลืมตาขึ้นมาแล้วพบเพียงความว่างเปล่า...เธอไม่อยาก...เหงาอีกแล้ว...
       
      ดวงตาสีดำสนิทเบิกค้างเอาไว้อย่างตกใจ ตัวเธอแข็งทื่อราวกับก้อนหิน หัวใจพาลเต้นระส่ำไม่หยุดอยู่ในอก...เมื่อคำภาวนาของเธอ...มันเป็นจริงซะแล้ว...
       
      ร่างบางแสนคุ้นยืนอยู่ห่างจากเธอไปไม่กี่เมตร ใบหน้าขาวเนียนเปรอะเปื้อนคราบน้ำตา หากแต่ยังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า...รอยยิ้มที่เธอหลงใหล...ผู้หญิงคนแรก...และคนเดียวที่เธอ...มีความรู้สึกดี ๆ ที่เรียกว่า ‘รัก’...
       
      ฟางโถมเข้ากอดแก้วราวกับจากกันไปเป็นนับปี ๆ ร่างสูงกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอย่างโหยกระหายความอบอุ่นจากร่างบางในอ้อมกอด น้ำตาพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสายด้วยความดีใจที่ได้เจอ ‘เขา’ อีกครั้ง แม้สุดท้ายมันจะจบด้วยการจากลาก็ตามแต่ แต่เธอขอแก้ตัวครั้งนี้ครั้งเดียว...ให้เธอได้เอ่ยคำลา...
       
      “ขอโทษนะฟาง...เรา...ขอโทษ...”
      ร่างสูงกระซิบบอกที่ข้างหูของร่างบางในอ้อมกอดด้วยเสียงที่สั่นเครือ มือใหญ่เอื้อมขึ้นลูบผมนุ่มนั่นแผ่วเบาอย่างทะนุถนอม พลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีก
       
      “อย่าทำอย่างนี้อีกนะ...อย่าจากไปเงียบ ๆ แบบนี้สิ...”
      มือบางเอื้อมมาดันไหล่ของแก้วเพื่อให้ออกจากอ้อมกอดนี่ ใบหน้าขาวเนียนจ้องมองเธอตรง ๆ ด้วยดวงตาที่แดงก่ำราวกับคนที่ร้องไห้หนักมาก
       
      “อืม...” แก้วตอบรับเบา ๆ อย่างยากเย็น อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า...คงต้องเป็นการจากลาจริง ๆ แล้วสินะ...”ถ้าอย่างนั้น...ลาก่อนนะ...ฟาง...” พูดจบแก้วก็ประทับตราจูบไว้ที่หน้าผากมนโดยที่ฟางก็หลับตาลงช้า ๆ
       
      ‘...ฉันรักเธอ...’
       
       
       
      ความรัก...คือสิ่งสวยงาม...
                      ...ไม่ต้องมีเวลามาเป็นเครื่องกำหนด...
                                      ...ไม่ต้องมีแบ่งเพศ หรืออายุ...
                                                      ...มีเพียงหัวใจ 2 ดวงเท่านั้นที่ตอบรับกันและกัน...
                                      ...ให้ความรักนั้นคงอยู่...
                      ...กับพวกเรา...
      ...ตราบนานเท่านาน....
       
       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×